วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

14 กุมภา วันวาเลนไทน์ สำคัญฉไหน?



วันที่ 14 กุมภา ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป กุหลาบ ช็อคโกแลต คำบอกรัก สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผมเพื่อให้คนคนหนึ่ งทุก ๆ ปีในวันนี้



ก่อนวันที่ 14 กุมภา
ผมเดินออกจากบ้าน ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา
ก่อนผมจะออกไปพบเธอ เธอโทรมาหาผม ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ

หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานาน ทีเดียว ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น



ผมเห็นพ่อของผมถือมันออกมา ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด "พ่อ ทำอะไรหนะ" ผมโพล่งถามด้วยความโมโห
พ่อหน้าซีดทันที " นายเหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด" "พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน "
พ่อเงียบ ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อจนกับปัญหา ความโหโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ
พ่อเบือนหน้า "พ่อขอโทษ มานี่....." พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า "พ่อจะเอาไปซักให้เอง"







ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร ไม่ยอมลงจากบ้าน เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้า ใคร หมกตัวอยู่กับห้อง มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม
ยามเมือ่ผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป
14 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ผมยอมออกมาจากห้อง
ผมไม่เห็นพ่อ เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน ข้างๆ มีกองเลือดอยู่ และที่ราวตากผ้ามี ผ้าเช็ดหน้าของผม ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่
พ่อ ผมอยากขอโทษครับ




หันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่ แม่ร้องไห้มาแต่ไกล วิ่งมากอดผม " พ่อเสียแล้วนะ "
ผมอึ้ง
แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจาม ออกมา พ่อมองไม่เห็น "พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย " "ทำไมล่ะครับ" "พ่อกลัวเราจะเสียใจ แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน"
ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง "พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้ อย่าเพิ่งบอกลูก ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ พลาด โอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว มันไม่สะอาดหรอก แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำ ดีที่สุดแล้ว"
ผมกอดแม่ ร้องไห้ วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
พ่อครับ ผมขอโทษ.......



อะไรสำคัญกว่ากัน


ณ ฟาร์มแห่งหนึ่งในรัฐแคริฟอร์เนีย มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสี่ขวบ
คุณพ่อของเธอมีรถบรรทุกคันหนึ่งซึ่งคุณพ่อรักมาก เนื่องจากแต่งซิ่งซะดูสดใสใหม่เอี่ยมอยู่เสมอ
ถูกใจโก๋แก่ ว่างั้นเถอะ
อยู่มาวันหนึ่ง เด็กหญิงเอาของแข็งไปขีดรถเล่น จนรถเป็นรอยขูดขีดไปทั่ว

ด้วยความโมโหสุดขีด
ผู้เป็นพ่อใช้เส้นลวดมัดข้อมือของเด็กหญิง แล้วจับเธอมัดไว้ในโรงรถเพื่อเป็นการทำโทษ


และกว่าเขาจะนึกขึ้นได้ ก็เป็นเวลาที่ร่วงเลยไปเกือบ 4 ชั่วโมงแล้ว
ตอนที่เขากลับเข้าไปในโรงรถอีกครั้ง มือของเด็กถูกรัดจนเลือดไม่ไหลเวียน
จนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลแพทย์วินิจฉัยว่า ต้องตัดมือทั้งสองข้างทิ้ง เพื่อรักษาชีวิตไว้
เนื่องจากเซลล์ส่วนที่เป็นมือได้ตายไปหมดแล้ว
เด็กหญิงจึงต้องสูญเสียมือทั้งสองข้างไป โดยที่เธอก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการถูกทำโทษใน
ครั้งนี้เลย



มันยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความรู้สึกผิดอยู่ในใจตลอดเวลา



ครึ่งปีผ่านไป พ่อของเด็กนำรถไปเคาะพ่นทาสีใหม่ ก็ได้รถที่มีสีแสบจ๊าบ ประดุจรถ
ใหม่กลับมาอีกครั้ง
พอถึงบ้าน เด็กหญิงเห็นรถทาสีใหม่ พูดขึ้นด้วยความไร้เดียงสาว่า
"คุณพ่อคะ รถคุณพ่อสวยจังเลย เหมือนรถคันใหม่เลย"
ในขณะเดียวกัน ก็ได้ยื่นแขนไร้มือคู่นั้นออกมา แล้วถามพ่อว่า
"แล้วเมื่อไหร่คุณพ่อถึงจะคืนมือให้หนูละค๊ะ"
คุณทราบไหมว่า เมื่อคุณพ่อคนนั้นได้ยินดังนั้น เขาทำอย่างไร.! ..
เขาดึงปืนออกมา แล้วยิงตัวตายต่อหน้าลูกสาวของเขา... ...


ผู้คนมากมายในโลกนี้ ยังแยกไม่ออกว่าสิ่งใดเป็นสิ่งสำคัญกว่าในชีวิตมัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะนึกว่า นั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่า...
...คุณจะเห็นคนบางคนอุตส่าห์ไปช่วยมูลนิธิต่างๆกวาดถนนแต่ไม่ยอมแม้แต่จะกวาดบ้านของตัวเอง...
..คนบางคนบ! ริจาคเงิ นมากมายไปสร้างวัดแต่กับญาติพี่น้องตัวเองกลับเหนียวหนืดยิ่งกว่าอะไร...
...คนบางคนพูดจาไพเราะอ่อนหวานกับคนรอบข้าง แต่กับคนในบ้านกลับตะคอกฉุนเฉียว...
...นี่แสดงว่า คุณพ่อคนนั้น ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญกว่า ระหว่างรถกับลูกของตัวเอง....
..ที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือ ในโลกนี้ล้วนเต็มด้วยเรื่องแบบนี้และมีให้เห็นเป็นประจำ แม้แต่ท่ามกลางเธอและฉันนี่แหละ... ...



วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เค้าว่ากันว่า





+ + + เค้าว่ากันว่า.... อ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา เช่นเดียวกัน เราคงไม่รู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
+ + + เค้าว่ากันว่า.... อย่าตัดสินหนังสือดีๆ แค่ปกมันสวย เช่นเดียวกัน คนหน้าตาดี อาจจะไม่ใช่คนดีเสมอไป







+ + + เค้าว่ากันว่า.... คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ก็ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มเรกในชีวิตที่ชอบไม่ได้ เช่นเดียวกัน คนที่เราไม่คิดจะอยากรู้จัก อาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตของเราก็ได้
+ + + เค้าว่ากันว่า.... การชอบหนังสือสักเล่ม ไม่ได้หมายความว่า หนังสือเล่มนั้น เนื้อหาดีทุกหน้า เช่นเดียวกัน การรู้สึกดีกับใครสักคน ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
+ + + เค้าว่ากันว่า.... อย่ารู้สึกเสียดายเวลา กับการอ่านหนังสือบางเล่มจนจบ แล้วพบว่าเป็นหนังสือที่ไม่ชอบ เช่นเดียวกัน จงรู้สึกดี กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่ แม้ว่าวันหนึ่งจะรู้
ว่า!! เค้าคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด เพราะอย่าน้อย ต่อจากนี้ไป... เราจะได้เลือกทางที่ถูกและคนที่ใช่สะที